วันจันทร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2562

หลีจ๋า!! (Koh Lipe, Satun Thailand)




นี้เป็นบทความท่องเที่ยวแรกที่ข้าพเจ้าได้เขียนขึ้นมา จุดเริ่มต้นการเขียนกระทู้นี้ จริงๆข้าพเจ้าแค่เริ่มต้นอยากหาอะไรทำในเวลาที่จิตใจฟุ้งซ่าน รู้สึกหดหู่ หรืออยู่ในช่วงที่ความคิดลบๆ อย่างไม่อยากจะทำอะไร เหมือนเศร้าอยู่ตลอด แฮ่ๆ มันก็ต้องมีบ้างใช่มั้ยคะ ที่อารมณ์เราไม่คงที่ คนอื่นจะเป็นกันบ้างมั้ย และการเที่ยวครั้งนี้ ข้าพเจ้าคิดว่ามันคงจะช่วยให้จิตใจข้าพเจ้าดีขึ้นมาบ้าง นี่รู้สึกสงสารคนที่ไปด้วยเลย เค้าอยากทำให้เราดีขึ้น แต่เรากลับทำให้เค้ารู้สึกแย่ ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจจริงๆ
เอาล่ะ เรานอกเรื่องมามากแล้ว ขอวกกลับมาเข้าหัวข้อที่ข้าพเจ้าตั้งใจจะเขียนดีกว่า รูปภาพอาจไม่สวยหรือเยอะมาก เพราะไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนในลักษณะนี้
การเดินทาง เริ่มต้นข้าพเจ้านั่งรถทัวร์จากภูเก็ต ปลายทางไปที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล ราคาตั๋ว ณ วันนั้น ราคา 326 บาท ซึ่งเป็นรถทัวร์ภูเก็ต-สตูลคะ รถออกจากจังหวัดภูเก็ตเวลา 8.00 นาฬิกา ข้าพเจ้าก็พาตัวเองขึ้นไปนั่งตามหมายเลขที่เราได้จองไว้ แต่ไม่เสมอไปหรอกคะ กรณีคนเยอะๆ หากมีคนมานั่งที่เรา ครั้งนี้ก็เช่นกัน 

การเดินทางใช้เวลาค่อนข้างนาน รถมาถึง ณ จุดแวะพักที่จังหวัดตรังเวลาประมาณ 14.00 นาฬิกา เพื่อให้ผู้โดยสารรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ หรือซื้อของฝากกัน เวลาที่แวะพัก 15 นาทีโดยประมาณ แล้วก็เดินทางกันต่อ จนถึงที่หมายในเวลาประมาณ 16.15 นาฬิกา ณ จุดนี้เพื่อนข้าพเจ้ามารอรับอยู่แล้วคะ ข้าพเจ้านอนบ้านเพื่อน 1 คืน ซึ่งเราจะเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะพรุ่งนี้เช้าคะ
เรือสปีดโบ้ทที่เราจองไว้นั้น ก็หาเอาจากอินเตอร์เน็ตนี้แหละคะ ซึ่งมีให้เลือกหลายบริษัทมาก จากที่หามาหลายบริษัท ราคาจะตกอยู่ที่ 800-1000 บาท (รวมไป-กลับ/ต่อคน) เรือที่เราเลือกเป็นของบริษัท Lipe Ferry & Speed Boat สำนักงานก็อยู่ตรงข้ามท่าเรือเลยหาไม่ยาก ถ้าไม่เจอก็โทรหาได้เลย พนักงานต้อนรับค่อนข้างดี ข้าพเจ้าไปกับเพื่อน 2 คน ราคารวม 1,600 บาท บริษัทจะส่งข้อมูลมาให้ทางอีเมลล์ แล้วให้เราโอนค่ามัดจำ 640 บาท แล้วค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ 960 บาทในวันที่เราไปรับตั๋วคะ ราคานี้ยังไม่รวมค่าเข้าอุทยานนะค่ะ ซึ่งเราจะต้องเตรียมเงินไปจ่ายตรงจุดเข้าท่าเรือด้านใน สำหรับคนไทยคนละ 60 บาท 

มารับตั๋ว พร้อมลงเรือคะ

เที่ยวเรือที่เราจองไว้ ออกเวลา 9.30 นาฬิกา ทางบริษัทนัดให้เรามารับตั๋วลงเรือก่อนเรือออกครึ่งชั่วโมงเพื่อเอาสัมภาระให้เจ้าหน้าที่ขนลงในเรือ พวกเราออกจากบ้านประมาณ 8.00 นาฬิกา เพื่อมาหาซื้อของที่เซเว่นใกล้กับท่าเรือก่อนจะลงเรือและเผื่อเวลามารับตั๋วด้วย  ของที่ข้าพเจ้ากับเพื่อนซื้อมันก็คือเสบียงนี้แหละคะ แฮ่ๆ เราไปแบบประหยัด และได้ยินว่าราคาของกินบนเกาะนั้นค่อนข้างสูงกว่า มันก็แน่อยู่แล้วนี้เนอะ เพราะกว่าจะขนส่งไปที่เกาะก็ต้องมีค่าใช่จ่ายเช่นกัน สิ่งที่แนะนำให้ซื้อจากบนบกไป คือน้ำดื่มค่ะสักสองขวดใหญ่ ถ้ามีโปรซื้อคู่ 20 บาท ก็ซื้อเถอะคะ คุ้มด้วย อีกอย่างเราสามารถพกไว้ดื่มบนเรือได้ ช่วยแก้ระหายได้เยอะ เพราะกว่าจะถึงก็ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงคะ

แผนที่อุทยานตรงทางเข้า เห็นเกาะหลีเป๊ะที่เราจะไปมั้ยค่ะ ต้องขยายคะ ฮ่าๆ

จ่ายค่าเข้าอุทยานเรียบร้อย
เมื่อจ่ายตังค์ค่าเข้าอุทยานเรียบร้อย ได้เวลาลงเรือสวมชูชีพ เรือพร้อมออก พวกเราถ่ายรูปได้สี่ห้ารูปก็คอพับคออ่อนคะ หลับยาว ทั้งๆที่เรือก็กระแทกกับคลื่นไป จนเรือมาแวะจอดให้ลงไปถ่ายรูปที่เกาะไข่ ตอนนั้นผมเผ้ารุงรัง ถามว่าสนมั้ย ไม่สนคะ รีบลงไปถ่ายๆอย่างเร็ว ตอนนั้นข้าพเจ้ากับเพื่อนนั่งอยู่ท้ายลำพอดี เลยได้ลงจากเรือก่อน รูปที่ถ่ายออกมาจึงยังไม่ค่อยมีคนมาร่วมเฟรมเท่าไหร่ ดีมากค่ะ อ่อ ข้อแนะนำอีกอย่างนะค่ะ คือเลือกที่นั่งท้ายลำไว้นะค่ะ เพราะด้านหลังเวลามีคลื่นจะไม่ค่อยกระแทกแรงเท่ากับด้านหน้า ลดอาการวิงเวียนได้ ที่สำคัญได้ลงมาถ่ายรูปก่อนใครด้วย แจ่มว้าวววว 

มาคนแรกไม่มีคนมาแจมในเฟรม 


หลังจากที่เรือพาเรามาแวะถ่ายรูป 15 นาที พวกเราก็ออกเดินทางกันต่อคะ อีกครึ่งชั่วโมงเรามาถึงท่าเรือที่จุดเรือจอด มันก็ไม่เชิงท่าเรือ จุดที่เรือจอดเป็นเหมือนโป๊ะ เป็นทุ่นที่ทอดยาวให้เรือมาเทียบแวะรับส่งนักท่องเที่ยวที่เกาะ สำหรับที่พักของพวกเราต้องใช้บริการรถสามล้อบนเกาะไปส่ง คนละ 50 บาท ราคาเดียวตลอดทุกเส้นทาง ที่จริงแต่ละหาดจะเดินได้ถึงกันหมด แต่เพราะเราไปครั้งแรกยังไม่รู้เส้นทาง บวกกับเหนื่อยและอากาศร้อนด้วย จึงขอใช้บริการสามล้อดีกว่าค่ะ สำหรับใครที่จองโรงแรมดีๆทางโรงแรมอาจมีบริการรับส่งนะค่ะ ต้องติดต่อสอบถามกันดู จะได้ไม่เสียโอกาส พอถึงที่พัก รอรับกุญแจ เก็บของ นอนต่อเลยคะ ฮ่าๆๆๆ ยังไม่ออกไปข้างนอกกัน เราคิดว่าจะออกไปดูพระอาทิตย์ตกแล้วไปหาอะไรกินต่อเลย ค่ำๆค่อยกลับที่พักทีเดียว




ถึงที่พัก เราก็มารอรับกุญแจจากเจ้าหน้าที่คะ

ระหว่างรอกุญแจ ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย เส้นยึด อิอิ
สำหรับที่พักของพวกเรา ตกคืนละ 800/ห้อง อยู่บริเวณหาดซันเซท เป็นห้องพัดลม มีสองเตียงค่ะ หน้าหาดตรงที่พักของเราเดินแปบเดียวก็ถึงทะเลแล้ว แถมตอนเย็นได้ดูพระอาทิตย์ตกสวยงามมาก 

หลังจากพักผ่อนตื่นนอนในเวลายามเย็น พวกเราก็อาบน้ำปะแป้งมาชมพระอาทิตย์ตกที่หน้าหาดกัน มีนักท่องเที่ยวมาจับจองที่นั่งที่นอนกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเป็นชาวต่างชาติ คนเอเชียก็มีพอสมควรคะ

รอชมพระอาทิตย์ตก จะเห็นว่ามีเรือจอดชมพระอาทิตย์หลายลำเลยคะ (อยากนั่งบ้างจัง)


พอพระอาทิตย์ตกยุงก็เริ่มมา แนะนำให้พาโลชั่นกันยุงมาด้วยคะ หลังจากชมพระอาทิตย์เราก็เดินกันไปถนนคนเดินกันคะ ต้องการประหยัดกัน จากจุดที่เราอยู่เดินไปประมาณ 5-10 นาทีก็ถึงถนนคนเดิน มีร้านอาหารมากมายให้เลือกใช้บริการเลย เอ๊ะแวบๆ 7-11 ค่ะ เราเลยลองแวะเดินเข้าไปเยี่ยมชมและซื้อของนิดหน่อยกัน ราคาก็ใช้ได้อยู่ น้ำขวดใหญ่ราคา 28 บาท จากเดิม 14 บาท ส่วนข้าวกล่องแพงกว่าบนฝั่ง 30-40 บาท สินค้าอื่นก็ไม่ถึงกับแพงมาก อยู่ในราคาที่รับได้ ส่วนเบียร์ขวดใหญ่ ก็ 86 บาท แล้วแต่ยี่ห้อค่ะ ต้องจัดสักขวดพอเป็นกษัย แฮ่ๆ อ่อ ลืมบอกถ้าจะซื้อของที่เซเว่นต้องพกถุงไปด้วย เพราะเป็นนโยบายลดโลกร้อน ไม่ก็ซื้อถุงผ้าราคา 19 บาทที่นั้นเลย ไม่แพง พอออกจากเซเว่น เราก็แวะไปร้านมินิมาร์ทแถวๆนั้นดู ราคาก็พอกัน เลยต่างกันไม่กี่บาท แต่มีพวกผัก ผลไม้สดขายด้วย ส่วนมื้อค่ำเราไปจบที่อาหารตามสั่งค่ะ ตกอยู่จานละ 150 บาท รวมน้ำ ค่าเสียหายเสร็จสรรพราวๆ 200 บาท/คน อิ่มแล้วก็เดินเล่นไปเรื่อยๆคะ 
เดินเล่นหน้าหาดฟังเสียงคลื่นไป จนเจอโชว์หน้าร้านแห่งหนึ่งที่มีการเล่นไฟ ถ่ายรูปมาให้ชมไม่ได้เพราะพวกเราลืมชาร์จแบตกัน มัวแต่นอน !! พวกเรานั่งคุยนั่งเล่นกันจนเกือบสี่ทุ่ม จึงพากันกลับที่พักคะ รอบนี้ดึกไปขอใช้บริการรถสามล้อเช่นเคย ถึงห้องอาบน้ำ นอนสิคะ 
วันที่สองเรามีแพลนไปเล่นน้ำกันคะ แต่ไม่ได้ไปเล่นน้ำดูปะการังตามเกาะกันนะค่ะ ก็เลยนอนยาวจนสายๆเกือบเที่ยง ถึงลุกไปอาบน้ำหาอะไรทานกัน แล้วกลับมาเล่นน้ำหน้าที่พักกัน

บริวณหน้าที่พักของเราคะ


มีห่วงยางประจำตัว ลอยยาวๆไป

รูปนี้มีคนบอกว่าข้าพเจ้าขึ้นอืด ฮ่าๆๆ

เล่นน้ำหน้าที่พักเสร็จ เราก็เดินเตร็ดเตร่ไปอีกหาดหนึ่งกัน หาดนี้มีแต่ชาวยุโรปมานอนอาบแดด คือเป็นโซนที่พักค่อนข้างแพง ที่หาดนี้มีบ้านของเจ้าของเกาะเดิมอยู่ด้วย ระหว่างทางนั้นเราจะผ่านหมู่บ้านชาวเล ซึ่งพวกเขาก็ยังประกอบอาชีพดั้งเดิม คือการทำประมงชายฝั่งอยู่ เพราะเห็นมีการช่วยกันถักอุปกรณ์จับสัตว์น้ำกันอยู่


ชาวเลช่วยกันถักอุปกรณ์จับสัตว์น้ำ


เดินมาสักพักก็มาถึงหาดที่พูดถึง หาดนี้สวยงามจริงๆค่ะ มีเรือหางยาวทอดสมอเรืออยู่จำนวนมาก ภาพที่คนอื่นถ่ายกันสวยๆก็น่าจะหาดนี้แหละค่ะ แต่ข้าพเจ้าฝีมือห่วยแตกมากมาย ฮ่าๆๆ หาดนี้พวกเรามาปูผ้านอนกันค่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ฮ่าๆ ชาวต่างชาตินอนอาบแดดไม่สนใจบุคคลอื่นเลย ใครใคร่นอนหงายนอนคว่ำก็นอนกันไป ใครอ่านหนังสือก็อ่าน นั่งๆนอนได้สองชั่วโมงก็เริ่มเย็นเราก็เก็บของกลับที่พักกัน เพื่อเตรียมตัวไปหาอะไรกินและจะกลับห้องไปนอนตอนไม่ค่ำมากนัก เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับแต่เช้าคะ




หลังจากหาอะไรกินกันง่ายๆ เราพากันกลับที่พักกัน เพื่อเตรียมจัดกระเป๋าเก็บสัมภาระกลับในเช้าวันรุ่งขึ้น เสร็จแล้วก็พักผ่อนค่ะ วันนี้นอนเร็ว หลับสนิท ฝันดี ราตรีสวัสดิ์คะ

เช้ารุ่งขึ้นก็ไม่มีอะไรมากมายค่ะ อาบน้ำ ทานขนมปังรองท้องที่เราซื้อไว้ตอนที่เราไปหาข้าวทานตรงถนนคนเดิน เช็คสัมภาระเรียบร้อย ก็ไปคืนกุญแจที่เจ้าหน้าที่ เสร็จแล้วก็ตรงไปท่าเรือเลยคะ เรือที่เราจองไว้ตอนขากลับเป็นเวลา 11.30 นาฬิกา ยังพอมีเวลาให้เราเดินเตร็ดเตร่ถ่ายรูปเล่นกันอีกนิด ตอนนี้ก็ขอจบการเล่าเรื่องเพียงเท่านี้นะค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกัน นี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าใช้เวลาในยามเบื่อหน่ายหรือหดหู่มานั่งพิมพ์ข้อความเหล่านี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน หากผิดพลาดสิ่งใดที่ต้องขอโทษด้วยคะ (:

วันที่มารอสปีดโบ้ทรอกลับขึ้นฝั่ง

ปล. การเดินทางครั้งนี้ ข้าพเจ้าอยากบอกใครคนนึงว่าขอบคุณนะที่พาข้าพเจ้ามาผ่อนคลายเพื่อให้ข้าพเจ้ามีแรงใช้ชีวิตได้ในวันต่อๆไป และขอโทษที่ทำให้หมดสนุกในบางครั้ง เค้าขอบคุณนะ




เพียงชั่วขณะที่รู้สึกสงบ เราจะพบความสุขในใจ ออกไปจากจุดที่ทำให้เราไม่สบายใจเถอะคะ แม้จะเวลาสั้นๆก็ตาม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หลีจ๋า!! (Koh Lipe, Satun Thailand)

นี้เป็นบทความท่องเที่ยวแรกที่ข้าพเจ้าได้เขียนขึ้นมา จุดเริ่มต้นการเขียนกระทู้นี้ จริงๆข้าพเจ้าแค่เริ่มต้นอยากหาอะไรทำในเวลาที่จิตใ...